เมื่อโลกปราศมนุษย์ [หน้า 1/3]

     เมื่อโลกปราศมนุษย์ [หน้า 1/3]
 
คำประกาศ

เดิมที่เดียว ได้อ่านพบงานเขียน ชุด An earth without people
ได้ตีพิมพ์อธิบายถึงสภาพบนโลก หลังจากมนุษย์สาบสูญ
แต่ภาพประกอบเน้นไปในลักษณะ ภูมิประเทศแถบอเมริกา

จึงได้ตั้งใจเขียนใหม่ เน้นการเล่าเรื่องเป็นแถบเอเชีย โดยเนื้อหา
มิได้เป็นเรื่องเหนือจริง ทุกฉากแสดงให้ทราบ มีความเป็นไปได้
ที่จะเกิดขึ้น กับโลกจนวาระสุดท้าย ในเงื่อนไขทางวิทยาศาสตร์
และมิเกี่ยวข้องกับการทำนาย ตามลัทธิพยากรณ์ใดๆทั้งสิ้น

มีเจตนาต้องการให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เกิดจิตสำนึก เพื่อร่วมกันช่วยกัน
ปกป้องระบบธรรมชาติ หากละเลยแล้วมีโอกาสเกิดขึ้นกับลูกหลานเรา

บางคนอาจมีความเห็นขัดแย้ง อีกไม่นานก็ตายแล้ว คงไม่มีโอกาสจะ
พบเห็นหรอก ใคร่อยากขอกล่าวไว้ว่า หากมีความเชื่อเรื่องศาสนา
ตายแล้วต้องเกิดใหม่ ไม่คิดหรืออาจกลับมาพบเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง

หากท่านเห็นว่า มีประโยชน์ต่อสังคม เพื่อตระหนัก และเข้าใจต่อการ
ร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมของโลก สามารถนำเผยแพร่ได้ สำหรับเพื่อ
การศึกษาเป็นความรู้ โดยอิสระ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต
ยกเว้นไม่อนุญาตเฉพาะในกรณีนำไปเพื่อประโยชน์ด้านการค้า


ลางบอกเหตุ คำเตือนจากธรรมชาติ
 

ด้วยการกระทำของมนุษย์ ร่วมกันผลาญพลังงาน เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และก็าซมีเทน ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ

เกิดการละลายตัวของ ธารน้ำแข็ง ด้านขั้วโลกเหนือ บริเวณไซบีเรียแคนาดาเหนือ
ภูเขาน้ำแข็งอลาสก้า พรมแดนสุดท้ายแห่งโลกธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมถึง
14 % ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา

และยังได้เพิ่มระดับน้ำเข้าท่วมหมู่เกาะขนาดเล็ก แนวชายของอีกหลายประเทศ
ปริมาณน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นจากเดิม ส่งผลถึงปากอ่าว กระทบเป็นลูกโซ่สู่ลุ่มแม่น้ำ
ใหญ่ที่ผ่านใจกลางเมืองหลวงทุกครั้ง เมื่อเกิดฝนตกหนัก โดยปะทะผลักดันกับ
น้ำเหนือไหลบ่าลงมาน้ำท่วมสูงสู่ย่านชุมชน เสมือนตกอยู่ในวังวน
 
เขื่อนยักษ์ ป้อมปราการ ด่านรักษาเมือง
 
วิศวกรบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศ ต่างฝ่ายร่วมไม้ร่วมมือกันออกแบบ
สร้างเขื่อนประตูกักน้ำขนาดยักษ์ ด้วยงบประมาณลงทุนหลายหมื่นล้านทั่วบริเวณ
ริมฝั่ง และปากสันดอนลุ่มแม่น้ำใหญ่เพื่อแก้ไขวิกฤต

ทำให้สามารถลดอัตราเสี่ยงลงได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้สมบูรณ์เพราะต้อง
ต่อสู้กับแหล่งน้ำจากไหลท่วมมาจากหลายทิศทาง โดยเฉพาะความถี่ของปริมาณ
ฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ติดต่อกันหลายสัปดาห์ในแต่ละครั้งด้วยผลกระทบ
จาก สภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ไป
 
ภัยธรรมชาติ สงครามโลกครั้งสุดท้าย
 

ในเวลาต่อมา ก๊าซปฏิกิริยาเรือนกระจก ยังมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลาง
สภาพอากาศของโลกถึงขั้นวิกฤต คลื่นความร้อนปกคลุมทั่วภูมิภาคแถบยุโรป
อเมริกา อุณหภูมิความร้อนสูง มีมลพิษในอากาศ จนสุดมนุษย์จะทนทานได้ล้ม
ตายปีละกว่า 700,000 คน และมากขึ้นทวีคูณ

พายุดีเปสชั่นเปลี่ยนแปลงความเร็ว เป็นพายุโซนร้อนเพิ่มจำนวนมากรวมตัวกัน
เป็นพายุเฮริเคนระดับ 5 ความเร็วพายุ 156 ไมล์ ต่อชั่วโมงเกิดขึ้นเหนือเส้น
ศูนย์สูตรเขตอบอุ่น ตั้งแต่ด้านทวีปอเมริกาจนถึงแนวทะเลญี่ปุ่นแถบแปซิฟิคเหนือ
พัดเข้าทำลายล้างที่ละเมือง อย่างไม่ละเว้นมากขึ้นทุกสัปดาห์ ด้วยการปรากฎ
การณ์ใหม่ การเปลี่ยนทิศทางของพายุ ไม่สามารถพยากรณ์ได้

สภาพความเป็นอยู่ประชากรโลกใกล้จุดวิกฤต สูญเสียแหล่งเพาะปลูกไป มากกว่า
40 % ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม อดอยาก หิวโหย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างต่อ
เนื่อง เชื้อโรคทางน้ำแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

ปศุสัตว์เกิดการติดเชื้อข้าม สายพันธ์ ลุกลามไปยังสัตว์เลี้ยงใกล้มนุษย์ สัตว์น้ำ
สูญพันธ์ไปเกือบหมดสิ้น ส่วนที่หลืออยู่ก็ไม่สามารถใช้บริโภคได้เพราะปนเปื้อน
สารตะกั่วในปริมาณสูง

ทุกอย่างดูเหมือนกระหน่ำซ้ำเติมมนุษย์ ความหนาวเย็นปกคลุม ไปในยังบางพื้นที่
ที่เป็นเขตอบอุ่น ฤดูกาลต่างๆได้มลายหายไปสิ้นเหลือเพียงฤดูเดียว คือฤดูแห่งภัย
พิบัติ กลายเป็นจุดอวสานแห่งมวลมนุษย์
 
สู่ฤดูกาลแห่งภัยพิบัติ
 

ถ้าถึงวันนั้นแล้ว หากไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่บนโลกแม้แต่คนเดียว ภายใน 48 ชั่วโมง ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ จะเริ่มยุติลงโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้น้ำมัน
หรือถ่านหินหยุดจ่ายพลังงาน ยกเว้นไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ส่วนที่ใช้ระบบ
พลังงานลม หรือพลังงานน้ำบางแห่ง ยังทำงานต่อไปได้ แต่อีกไม่นานก็ยุติลง
เช่นกันด้วยปัญหาหล่อลื่นที่สกปรก

โลกมืดสนิทในเวลากลางคืน มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สะท้อน สาดส่องเท่านั้น
ระบบระบายน้ำในเมืองขาดผู้ควบคุม กระแสน้ำจากนอกเมืองของระบบชลประทาน
เริ่มท่วมล้น จากพายุฝนตกต่อเนื่องตลอดหลายสัปดาห์ไหลมาจากทางเหนือ
ปะทะกับกระแสน้ำหนุนเข้ามาทางปากอ่าว สู่ที่ต่ำกว่าในเมืองหลวงเต็มไปด้วยน้ำ
ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
 
การกลับมาของผู้หลบซ่อน
 

ภายใน 2 - 4 ปี พื้นดินของโลกจมอยู่ใต้น้ำเพิ่มขึ้นอีก 40 % บางส่วนโผล่พ้นน้ำ
สิ่งที่พบในเมืองหลวงระยะปีแรกๆคือ สุนัขบ้านกลายเป็นสุนัขจรจัด อดอยากผอม
โซนับล้านตัวค่อยๆล้มตายจากสภาพอากาศ

ระยะนี้ สัตว์ประเภททำลายเกาะกิน สัตว์พืชเป็นอาหาร เช่น หมัด ไส้เดือน หนอน
แมลงวัน ประชากรหนู กลับมาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจำนวนมาก ในระยะสั้นๆ

บนถนนเต็มไปด้วยป่าหญ้ารก อาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่ถูกแช่น้ำทรุดโทรมอย่าง
อย่างเห็นได้ชัด โครงสร้างขนาดเล็ก เช่น ป้ายจารจร ป้ายโฆษณา หลุดร่วงด้วย
การเสื่อมสภาพของน๊อตที่เป็นสนิมจากความชื้นสูง สายไฟขาดรุ่งริ้งจากกิ่งไม้
ด้วยแรงกรรโชก ของลมพายุ
 
สงครามที่ไร้อาวุธ
 

เวลาผ่านพ้นไประยะ 5 - 20 ปี อาคารสูงหลายแห่งเริ่มมีสภาพผุกร่อน จากความ
ร้อนของอุณหภูมิ วัสดุต่างๆเริ่มกรอบแห้ง เกิดจากลุกไหม้ติดไฟง่ายจากสายฟ้าที่
ผ่าลงมาลุกโชติช่วงขยายวงกว้างอย่างไม่จบสิ้น บรรยากาศคล้ายกับการเกิด
สงครามกลางเมือง ทั้งๆที่ปราศจากการใช้อาวุธใด ๆ
 
การมาเยือนของเหล่าอสูรร้าย
 

ภายในอาคารสำนักงานตกแต่งด้วย วัสดุชิ้นเยี่ยมอย่างหรูหรา กระจกเริ่มแตกร้าว
ด้วยความแรงของพายุ กรอบวงกบต่างๆชำรุดผุกร่อนภายในห้อง ถูกอบด้วยความ
ร้อน ผิววัสดุที่เป็นหนังเทียมหลอมละลาย

เป็นเวลาเดียวกับที่ สารกัมมันตรังสี จากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในทวีปยุโรปซึ่ง
ล่มสลายจากระบบน้ำหล่อเย็นไม่ทำงาน ตั้งแต่ 7 วันแรก หลังจากมนุษย์สาบสูญ
จากโลกไปแล้ว ค่อยๆซึมหลุดรอด แผ่กระจายด้วยความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ
ตลอดเวลาของสารกัมมันตภาพรังสีแผ่กระจายไปทุกที่

ได้เข้าไปทำปฏิกิริยา กับเหล็กและคอนกรีตจากพิษสงของ Caesium-137 และ
Strontium-90 ซึ่งอาคารทั่วไป มิได้ออกแบบป้องกัน เหมือนดังเช่น โรงงานเตา
ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่จะต้านทานได้นับพันปี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น