เมื่อโลกปราศมนุษย์ [หน้า 2/3] |
งานศิลปะ กลายเป็นขยะ แห่งศตวรรษหน้า |
สภาพบ้านเรือนเริ่มผุพังจากฝา และโครงสร้างหลังคา ผนังปูนมีคราบดำผิวปูนหลุด ล่อนสีเสื่อมสภาพจากความชื้น ประติมากรรมช้างทองเหลือง ยังคงสภาพสมบูรณ์ เพียงมีคราบเขียวเกิดจากการ Oxidize ภาพเขียนสีน้ำมันที่ตกอยู่ริมห้อง มีรอยด่างและจืดจางลงบางส่วนยังมอง ออกว่าเป็นภาพทิวทัศน์ เขียวชอุ่มเหมือนครั้นโลกยังสดใส แต่กระป๋องน้ำอัดลม ที่ทำจากอลูมิเนียม มีสภาพเห็นฉลากที่ดีไซน์ไว้เหมือนเดิม คล้ายเพิ่งผลิตออกมาจากโรงงานเมื่อไม่นานนี้เอง |
สุสานแห่งความเจริญรุ่งเรือง |
ถัดมาในช่วงเวลา 60 - 250 ปี โครงสร้างอาคารสมัยใหม่จะทรุดโทรมลง ภายใน 60 ปี สะพานจะทรุดโทรมลงภายใน 120 ปี หากเป็นสะพานขนาดใหญ่ ที่อยู่พ้นจากระดับน้ำท่วม ก่อสร้างด้วยวัสดุที่มีน้ำหนัก เบาหรือผู้รับเหมาโกงวัสดุก่อสร้างก็จะเกิดความไม่มั่นคงเช่นกัน แต่ก็จะขึ้นกับ ลักษณะการออกแบบด้วยว่า ช่วยกันยึดเกาะโครงสร้างกันได้ดีหรือไม่อาจทำให้ ทนต่อสภาพ การเปลี่ยนแปลงยาวนานขึ้น โดยรวมทั้งหมดจะเสียหายลงภายใน 250 ปี สารปรอทละลายจากสีผิวอาคาร สะสมตลอดเวลาการเปลี่ยนแปลงสู่ลำคลองใน เมือง ผสมกับคราบน้ำมันเกาะกัน เหนือผิวน้ำเป็นสีน้ำตาลดำเข้มน้ำปราศจากสัตว์ ใดๆอาศัยอยู่มานานแล้ว เพราะขาดออกซิเจนโดยสิ้นเชิง |
ลมหายใจสุดท้าย ของอารยะธรรม |
สารกัมมันตภาพรังสี ได้สลายตัวไปเป็นจำนวนมาก ในเวลา 3,000 - 5,000 ปี หลังจากการสาบสูญของมนุษย์ แต่ก็ยังอาจพบสัตว์ป่าบางชนิด ที่มีศักยภาพสูง สามารถปรับตัวเองให้ต่อสู้กับ สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ เช่น นกป่าบางชนิด ม้าป่า หมูป่า อาศัยอยู่ในบางพื้นที่หากผสมพันธ์กันด้วยสายพันธ์ดั้งเดิม ยิ่งทำให้มีความแข็งแร่งยิ่งขึ้น พร้อมซากปรักหักพัง ของอารยะธรรมบางแห่งยืนหยัดอย่างโดดเดียว เพื่อต่อสู้กับ ภัยธรรมชาติตลอดเวลานับหลายพันปี ท่ามกลางป่าไม้รกที่ขึ้น ปกคลุมไปทั่วและ รอวันพังทลายลงเป็นลมหายใจสุดท้าย |
ตัวแทนชัยชนะของมวลมนุษยชาติ |
ด้วยการออกแบบไว้อย่างชาญฉลาด สิ่งก่อสร้างขนาดสูงใหญ่ มีลักษณะเป็น ทรงแหลมแฉกไม่ต้านแรงลมพายุ อาจยืนตระหง่านผ่านพ้นวิกฤตไปได้หลายพันปี คงทรุดตัวตะแคงเอียงจากฐานรากไปบ้าง ท่ามกลางป่าไม้ดงดิบหนาทึบสูงท่วมหลายเมตร ยังเห็นเป็นสัญลักษณ์ชัยชนะ แห่งการต่อสู้เพื่อมาตุภูมิในอดีต และชัยชนะแห่งการต่อสู้จากมหกรรมสงคราม ธรรมชาติที่ผ่านมา |
การเริ่มเต้นของชีพจรโลก |
ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นไป ท่ามกลางความเจ็บป่วยของโลก ย่างเข้าช่วง 15,000 - 20,000 ปี แม้ว่าอาการป่วยยังไม่ได้ทุเลาลงทว่าทุกสิ่งก็ยังไม่ได้เลวร้ายไปเสีย ทีเดียว และสภาวะปฏิกิริยาเรือนกระจกจะยังไม่ได้หายไปเสียทั้งหมด ทั้งที่การสร้างปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ยุติลงมาเกือบ 20,000 ปี หลังจากการสาบสูญของมนุษย์ ทำให้อุณหภูมิที่เคยสูงละลายน้ำแข็งไปเกือบหมด ได้ค่อยๆเย็นลงได้ทีละน้อย ความเย็นลงดังกล่าวทำให้เริ่มต้นก่อกำเนิดน้ำแข็ง บริเวณขั้วโลกอีกครั้ง คล้ายกับที่โลกได้เริ่มตื่นขึ้น จากการหลับใหล |
การสลายตัวของมะเร็งร้าย |
ในช่วงเวลามนุษย์ยังมีชีวิตอยู่บนโลก สิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์และอำนวย ความสะดวกของชีวิตประจำวันในศตวรรษที่ 20 เช่น รถยนต์ แบตเตอรี่ คอมพิวเตอร์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ใช้ภายในบ้าน สารพัดอย่าง ล้วนแต่มีส่วนประกอบของสารเคมีอันตราย ถูกทิ้งไว้บนพื้นผิวในบริเวณต่างๆทั่วโลก ตกตะกอนลงพื้นดิน ซึมซาบสะสมไว้นั้น บัดนี้เพิ่งละลายตัวเกือบหมดสิ้น ช่วงระยะ 35,000 ปี หลังจากการสาบสูญของมนุษย์ |
รอยยิ้มแรก ของเด็กหญิงที่ชื่อว่า โลก |
เป็นเวลา 100,000 ปี ต่อมา ก๊าซปฏิกิริยาเรือนกระจก ลดลงไปบางส่วนสภาพแวด ล้อมต่างๆเริ่มสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ท้องฟ้าปลอดโปร่งฤดูกาลกลับคืนสู่สภาพปกติมาก ขึ้น พายุลดน้อยลงภาวะวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของอากาศหายไปสิ้น ท้องทุ่ง เขียวขจีต้นไม้ยืนตระหง่าน ดอกไม้บานสะพรั่ง ระบบห่วงโซ่อาหารเข้าสู่ปกติ สัตว์ป่าที่หลงเหลืออยู่บ้าง มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นดัง รอยยิ้มแรกที่สมหวังแห่งชีวิตใหม่ของโลก |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น