ดวงอาทิตย์ แหล่งพลังงานใกล้ตัวเราที่สุดในจักรวาล [หน้า 3/3] | ||
| ||
พายุสุริยะ Solar Wind ปัจจุบันการสำรวจได้ชี้ชัดว่า พายุสุริยะได้หอบเอาไอออนก๊าซจาก ดวงอาทิตย์ พัดตามแนวเส้นสนามแม่เหล็ก กระจายตัวเข้าสู่ระบบสุริยะด้วยความ เร็วระหว่าง 300-800 กม.ต่อนาที ไปไกลถึงดาวพฤหัส และขอบสุริยะ ความร้อนสูงจาก Magnetized plasma (แม่เหล็กจากก๊าซเหลว) มีระดับอุณหภูมิ 200,000 Kelvin เมื่อผ่านเข้ามายังโลก คลื่นความถี่แม่เหล็กกลับลดลง เหตุเพราะ ผลกระทบจากการชนกันระหว่าง อีเล็คตรอน โปรตรอน ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนอ่อนกำลัง ทำให้ความเร็วพายุสุริยะเมื่อใกล้โลกช้า เหลือประมาณ 300 กม.ต่ิอ นาทีอุณหภูมิ ความร้อน อีเล็คตรอนเหลือ 150,000 Kelvin ส่วนโปรตอนเหลือ 40,000 Kelvin โลกมีระบบสนามแม่เหล็ก (Earth's magnetic field) คอยปกป้องต้านทานเรียก ว่าแนว Bow shock จากกระแสพายุสุริยะ ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกปลอดภัย แต่มีจุด อ่อนบริเวณช่องว่าง ของขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ พายุสุริยะยังสามารถเล็ดลอด เข้ามาได้ เห็นเป็นลักษณะแสงเหนือ แสงใต้ (Aurora) หากโลกไม่มี ระบบสนามแม่เหล็ก จะทำให้รังสีที่ อันตรายจากพายุสุริยะพัดเข้าสู่ ชั้นบรรยากาศของโลกได้ง่าย แล้วทำลายระบบนิเวศต่างๆ และทำลายผิวหนังของ มนุษย์ได้ อย่างไรก็ตามลักษณะสนามแม่เหล็กนั้นอ่อนไหว มิใช่เป็นกำแพงแข็ง การโหมพัด อย่างรุนแรงของพายุสุริยะที่เข้มข้น ด้วยอนุภาพของรังสี เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ มีความกังวลใจต่อสภาพแวดล้อมโลก ลักษณะสนามแม่เหล็กโลก ให้เรานึกถือฟองสบู่ที่เรานำมาเป่าเล่นแล้วเกิดเป็นฟอง ลูกโป่งขนาดใหญ่ เวลาถูกลม ฟองลูกโป่งจะโย่ยไปโย่ยมาแต่ไม่แตกนั้นคล้ายกับ พายุสุริยะพัดปะทะสนามแม่เหล็กโลก โดยมีโลกลอยอยู่ตรงกลาง ปัจจัยหนึ่งที่เริ่มมีปัญหา คือ สนามแม่เหล็กโลกได้อ่อนตัวลง ด้วยผลกระทบจาก การใช้ทรัพยากรโลกที่ไม่ระมัดระวัง เช่น ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ การทำลายป่าไม้ เกิดสภาวะปฎิกิริยาเรือนกระจก โดย ทำให้อุณหภูมิโลกร้อน เชื่อว่าน่าจะมีผลถึงแกนภายในโลก อาจกระทบถึงการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็ก โลกได้ อนาคตไม่กี่ร้อยปี มนุษย์อาจจะไม่สามารถออกไปกลางแจ้งได้สะดวก เหมือนปัจจุบัน เนื่องจากรังสีของดวงอาทิตย์ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นส่งผลต่อ ร่างกายของมนุษย์ |
|
ผลแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ต่อโลก หากโลกปราศจากแรงโน้มถ่วง ที่สัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ เราจะไม่สามารถยืนติด พื้นดินได้เลยได้เลย สภาพการลอยตัวจะเกิดขึ้นและควบคุมไม่ได้ออกสู่อวกาศ พื้นผิวโลก จะมีความร้อนขึ้นจากที่เป็นอยู่ เพิ่มขึ้น 28 เท่า นอกจากนั้นยังมีผลในเรื่อง Effect on the tides (ปฏิกิริยา น้ำขึ้น-น้ำลง) เช่น ดวงจันทร์มีต่อโลกแต่น้อยกว่า โดยดวงจันทร์ มีผล 70% ดวงอาทิตย์มีเพียง 30% โดยเฉพาะช่วง New Moon หรือ Full Moon (เต็มดวง) จะแสดงพลังงานแรงดึงดูด ร่วมกันอย่างเข้มแข็งเมื่อตำแหน่งของโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์อยู่ในเส้นระนาบ เดียวกัน หากตำแหน่งของโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ มีตำแหน่งเป็นมุมฉากกันดวงจันทร์จะ มีอำนาจแรงดึงดูดลดลงต่อโลก และการเกิดขึ้นช่วง Quarter Moons (ไม่เต็มดวง) ก็เช่นกัน |
| ||
| ||
< | ผลกระทบเรื่องรังสี และพลังงานดวงอาทิตย์ต่อมนุษย์ Ultraviolet Rays และ X-Ray ความสว่างจัดของแสงดวงอาทิตย์ เป็นอันตรายต่อตามนุษย์ หากมองเข้าไปโดย ตรงเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ เพราะรังสี Ultraviolet rays สามารถทำลายเซลล์ตาดำ (Retinas) ให้เสียหายได้ เพราะฉะนั้นควรใส่แว่นกันแสงแดด เพื่อกีดขวาง รังสี Ultraviolet rays เป็นรังสีที่ตามนุษย์มองไม่เห็น หมายเหตุ : การใช้แว่นกันแดด ควรระบุชนิด UV protection เท่านั้นจึงป้องกันได้ จริง เพราะเคลือบสารป้องกัน มิใช่เพียงเป็นกระจกสีเข้มทั่วไป ค.ศ. 2000 บนดวงอาทิตย์ บริเวณที่เรียกว่า AR9077 เกิด Flare ขนาดยักษ์มีผล กระทบเกิด Magnetic storms และ Dramatic auroral มีการม้วนตัวของสนาม แม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ ขนาด 77,000 – 230,000 กิโลเมตร ตรวจพบเป็นขนาด ใหญ่มาก เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 30 ปี ลักษณะเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อโลก ด้วยการหอบ Ultraviolet radiation เข้าสู่วง โคจรโลก ด้วยความเร็วและความแรง พุ่งเข้าสู่บรรยากาศทำลายชั้น Ozone ทำให้ ระบบอุปกรณ์ดาวเทียมเสียหาย และผลกระทบสภาพแวดล้อมทางเคมีต่อมนุษย์ นอกจากรังสี Ultraviolet มีอันตรายต่อมนุษย์แล้ว รังสี X-Ray ก็ผ่านเข้ามาสู่ชั้น บรรยากาศ ใกล้ตัวเรามาก เช่นกัน สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก เป็น ตัวเสริมทำให้เกิดปัญหาติดตามมากยิ่งขึ้นอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้โดยปัญหาคือ คลื่นรังสี เหล่านี้เรามองไม่เห็น จึงไม่อาจหลบหลีกได้เลย |
| ||
| ||
The Plasmasphere บริเวณสภาพแวดล้อมอวกาศรอบๆโลกมีส่วนประกอบของ อนุภาคไฟฟ้าซับซ้อน ที่เกิดจาก Protons และ Electrons ดังเช่นเกลือ น้ำตาล พริกไทยเราสามารถนำ ไปใส่ในส่วนประกอบการปรุงอาหาร รวมกันเป็นรสชาติหนึ่งเดียวที่อร่อย อวกาศเช่นกัน ความเข้มข้นหรือเจือจางในส่วนประกอบอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะให้ อนุภาคต่างๆเกิดปฏิกิริยา ผสมรวมต่อกันได้ แล้วเกิดพละกำลังขึ้นใหม่ เกิดการวิ่ง หมุนวน อย่างรวดเร็วรอบๆโลกได้ นับพันกิโลเมตรต่อวินาที พุ่งทะลวงหลงเข้า ในชั้นบรรยากาศโลก การที่เกิดขึ้นในบริเวณที่คาบเกี่ยว รอบๆอวกาศของโลก ระหว่าง 8,000-30,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เป็นเรื่องห่างไกลตัวเรา เพราะอิทธิพลวงแหวน (ไม่เหมือนวงแหวน ดาวเสาร์) สามารถช่วยหอบพลังงานนับหลายพันโวลต์ เข้าสู่บรรยากาศโลกได้ง่าย ผลจากแรงส่งมหาศาลของ พายุสุริยะขนาดใหญ่เกิดขึ้น บนดวงอาทิตย์อย่าง รุนแรง อำนาจสนามแม่เหล็กโลกไม่สามารถต้านทานได้ ขณะนี้ทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถเข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ว่ามีพลังงานสูงแบบ High voltages ในบรรยากาศสนามแม่เหล็กโลก |
| ||
|
|
| ||
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น