ชีวิตความลับของดวงดาว ตอน : Stars Birth [หน้า 3/3] |
ดวงอาทิตย์ ต้นแบบของดาวในวันนี้ The Sun to day ดวงอาทิตย์เป็นต้นแบบสำคัญ ให้เข้าใจ พัฒนาการวิถีชีวิตแห่งดาวในจักรวาล การเผาไหม้บนดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นจากไส้ภายในแกน (Core) ด้วย Hydrogen atoms และ Helium atoms หลอมละลายผสมเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดองค์ประกอบ ปฏิกิริยาทางเคมี แสดงถึงอายุของดาว จาก Luminosity (ความโชติช่วง) หรือ ค่าพลังงานของคลื่นรังสี ทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาโดย โดยขึ้นอยู่กับ รัศมี อุณหภูมิ ขนาดดั้งเดิมของดาวนั้นๆ ปกติดาวเพิ่งเริ่มกำเนิดในจักรวาล จะมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 10 -1,000 เท่า หรือมากกว่านั้น จึงมี Luminosity (ความโชติช่วง) มากกว่าดวงอาทิตย์ ตลอดเส้นทางชีวิต (Lifetime) ของดาว มีข้อจำกัดในเรื่องวัตถุดิบ คือ ก๊าซที่อยู่ ภายใน ดังนั้นอายุขัยของดาว จึงขึ้นอยู่กับปริมาตรก๊าซที่สะสมไว้ ครั้นแรกใน ระยะที่เริ่มก่อตัว เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ |
|
ระบบดวงอาทิตย์ มีรูปแบบการกำเนิดจาก Protostar (ดาวต้นแบบที่เริ่มก่อตัว) เช่นดาวทั่วไปในจักรวาล แต่เส้นทางที่ผ่านมา ครั้งแรกมีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบัน จากการเผาไหม้ของก๊าซสะสมไว้ จาก Hydrogen และ Helium ช่วงต้นกำเนิด ถัดมาประมาณ 4.5 - 5 พันล้านปี (ปัจจุบันนี้) สังเกตว่า ขนาดดวงอาทิตย์เล็กลง แต่ดวงอาทิตย์ ยังมีวิถีชีวิตแห่งดาวต่อไป กว่าครึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่ผ่านมา เส้นทางอนาคตดวงอาทิตย์ คงราบรื่นไปอีกอย่างน้อย 5 พันล้านปี ด้วยปริมาณ วัตถุดิบที่ถูกสะสมไว้ เปรียบเหมือนเสบียงอาหาร แต่หลังนี้ไป ดวงอาทิตย์จะ มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเสบียง ที่เป็นก๊าซพร่องลง เพราะการเผาไหม้ตลอดเวลา อันยาวนาน เมื่อก๊าซพร่องลง แต่การลุกไหม้ยังคงอยู่ จึงเกิดการเผาก๊าซที่อยู่บริเวณเปลือก ภายนอกทำให้ขยายพื้นที่ลุกไหม้ ปรากฎการณ์นี้คือ ดาวยักษ์สีแดง (Red Giant) เป็นการเพิ่มขนาดใหญ่กว่าเดิม หลายร้อยเท่า ขณะเดียวกันไส้แกนใน (Core) ของดวงอาทิตย์จะหดเล็กลงไปเรื่อยๆ แล้วเกิด การยุบตัวลงขนาดเท่าโลก กลายเป็น ดาวแคระขาว (White Dwarf) และอาจ ล่องลอยด้วยแรงดึงดูด ที่ส่งผลจากดาวอื่น สู่วิถีโคจรใหม่ |
G star อยู่ในกลุ่ม Yellow-white star ------------------------------------------- ระดับความร้อนพื้นผิว 5,000 -6,000 Kelvin มวลของวัตถุ 0.05 - 1.0 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 0.9 เท่า (Sun=1) อายุ 10 พันล้านปี ขึ้นไป เป็นกลุ่มที่ Conversion zone (ชั้นนำพาพลังงานความร้อน) อยู่ลึกมาก เช่น Alpha Centauri A ระดับความร้อนพื้นผิว 5,900 Kelvin มวลวัตถุ 1.08 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 1.45 เท่า (Sun=1) รัศมี 1.05 เท่า (Sun=1) Capella และดวงอาทิตย์ อยู่ในกลุ่มนี้ (G2) Yellow-white star เช่นกัน K star อยู่ในกลุ่ม Orange-red star ------------------------------------------ ระดับความร้อนพื้นผิว 3,500 -5,000 Kelvin มวลของวัตถุเ 0.05 - 0.9 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 0.1 - 0.5 เท่า (Sun=1) อายุยืนยาวและ ส่วนมากหมุนรอบตัวเองช้า บางดวงที่มีขนาดใหญ่พบ Carbon มาก เช่น Pollux ระดับความร้อนพื้นผิว 5,100 Kelvin มวลวัตถุเป็น 0.83 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 0.36 เท่า (Sun=1) รัศมีเป็น 0.83 เท่า (Sun=1) และ Aldebaran, Arcturus จัดอยู่ในกลุ่ม Orange-red starเ ช่นกัน จากการสำรวจเชื่อว่า ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบๆ K-Star อาจมีความเป็นไปได้ที่ สามารถดำรงชีพได้ ด้วยการเย็นตัวลงระดับความร้อนพื้นผิว 100 - 400 Kelvin M star อยู่ในกลุ่ม Orange-red star ------------------------------------------- ระดับความร้อนพื้นผิว น้อยกว่า 3,500 Kelvin นับว่ามีความเย็นตัวลง มีมวลวัตถุ เป็น 0.08 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 0.5 เท่า (Sun=1) สำรวจพบยากทั้งที่มีจำนวนมาก เพราะเนื่องจากมืด แสงสว่างน้อย จำนวน 70% ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ จึงต้องตรวจสอบผ่าน รังสี Infraredอายุยาว นานมาก กว่าทุกกลุ่ม เช่น Proxima Centauri ระดับความร้อนพื้นผิว 4,370 Kelvin มวลวัตถุ 0.68 เท่า (Sun=1) ค่าคลื่นสะท้อนของรังสี 0.18 เท่า (Sun=1) รัศมี 0.74 เท่า (Sun=1) และ Betelgeuse จัดอยู่ในกลุ่ม Orange-red star เช่นกัน |
|
| ||
| ||
| ||
|
| ||
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น