ชีวิตความลับของดวงดาว ตอน : Stars Birth [หน้า 2/3] | ||
| ||
| ||
| ||
| ||
| ||
เกิดการย่อยแตก Fragmentation of the Molecular clouds พลังอำนาจแรงดึงดูดแข็งแกร่ง มีโอกาสทำให้เมฆโมเลกุล (Molecular clouds) ที่มีขนาดใหญ่แตกออก เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นอุปสรรคกับ ดาวแม้แต่น้อย เพราะการย่อยแตกออก ทำให้ Photos ยิ่งปลดปล่อยพลังงาน ยิ่งเป็นการเสริมศักยภาพแรงดึงดูด ทำให้เก็บรักษาความร้อนไว้ในแกนภายใน ด้วยความกดดันที่ต่ำลง เกิดแกนกลางที่แข็ง จากการอัดแน่นอยู่ใจกลาง เรียกว่า Molecular clouds core (ไส้แกนจากเมฆโมเลกุล) ซึ่งจะเป็นผลต่อขนาดและ วงโคจร ของดาวในอนาคต |
| ||
|
| ||
|
สืบค้นร่องรอยการกำเนิด Life Track การศึกษาดาว โดยการติดตามร่องรอยการกำเนิด เพื่อเป็นต้นแบบของระบบการ เกิดของดาวแบบ Single star (ดาวดวงเดียว) ว่ามีหนทางลำดับขั้นของพัฒนาการ (Evolutionary track) เป็นไปอย่างไร ขั้นที่1 Assembly of a Protostar : การชุมนุมรวมกันขึ้นของดาวต้นแบบ เกิดสภาพแรงดึงดูดขึ้นครั้งแรก (Gravity first) จากการรวมตัวทับถมผสมรวม กันของ กลุ่มเมฆฝุ่นหมอกของก็าซ (Cloud of gas and dust) จึงเป็นหนทาง เริ่มต้นขบวนการ Protostellar (มูลฐานต้นทาง ให้กำเนิดดาว) บริเวณภูมิอวกาศ เริ่มแสดงอาการเกิดลมพัด (Wind) และแสดง Direct jets (พลังงานที่พุ่งออกเป็นลำตรง) ต่อมาการแผ่รังสีเกิดขึ้น กระจายตัวออกมาจาก Protostar (ดาวต้นแบบที่เริ่มก่อตัว) เวลาเดียวกันพลังงานเริ่มเคลื่อนตัวที่พื้นผิว ค่าความร้อนเกิดขึ้น 3,000 Kelvin ทำให้มีความสว่างโชติช่วงขึ้น มหาศาลระหว่าง 10-100 เท่า เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ |
| ||
| ||
| ||
| ||
ขั้นที่ 2 Convective Contraction : แบบแผนการเกิด ชั้นนำพาความร้อน บนพื้นผิว Protostar (ดาวต้นแบบที่เริ่มก่อตัว) ยังคงมี อุณหภูมิสะสมยาวนาน ระดับ 3,000 Kelvin จึงทำให้เกิดกลไกเคลื่อนไหวพลังงาน บนพื้นผิวของตนเอง เป็นพัฒนาการระหว่าง มวลโน้มถ่วง (Gravitational) และคลื่นแสงที่สะท้อนบน ผิวที่แสดงความโชติช่วง (Luminosity) จากความร้อนของรังสี (Radius) แล้ว เกิดการเริ่มประสานกัน จึงมีการเกิดขึ้นของลำดับชั้นภายใน เป็นขอบเขตแบบแผน (Conversion zone) ของชั้นนำพาความร้อน (Convection zone) อยู่ภายในใต้พื้นผิวลงไป โดยแบบ แผนดังกล่าว เป็นชั้นภายในดาวทุกดวง มีความต่างกันที่ความลึกและความหนา |
| ||
|
|
| ||
|
ขั้นที่ 4 Self-Sustaining Fusion : การหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุ แกนไส้ (Core) ที่เกิดจากการ Fusion (การหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุ) ค่อยๆ มีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ประมาณ 10 ล้านตันในเวลา 1 ล้านปี สุดท้ายเมื่อระดับของ Fusion (การหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุ) เกิดเพียงพอสมดุลย์ กับระดับความ ร้อนของการแผ่รังสี (Radiation) แล้วหลุดพ้นสู่พื้นผิวได้ กรณีการหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุ ของดาวตั้งแต่เริ่มกำเนิด เป็นความสำคัญ อย่างยิ่งยวด เปรียบเสมือนเป็นการสะสมพลังงาน ไว้เพื่อดำรงชีวิตในภายหน้า เพราะหลังจากนี้ต่อไป ทั้งหมดคือเสบียง ซึ่งมีแต่จะหมดลงไปเรื่อยๆ จากการ เผาไหม้และหลอมละลายจนชั่วโมงสุดท้าย ไม่มีทางจะแวะเติมเชื้อเพลิงใดๆได้ ทั้งหมดจึงเป็นการสนับสนุนเอื้อกันของระบบ นับแต่กำเนิดเพื่อ ดาวจะมีความมั่นคง ต่อการเผาไหม้ของก๊าซ Hydrogen และก้าวเข้าสู่ ลำดับชั้นของดาวสามัญ (Main Sequence) อย่างมีสมดุลย จึงเป็นการถือกำเนิดขึ้นของดาวใหม่ที่สมบูรณ์ |
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น