คำว่า EARTH มาจากไหน |
| ||
|
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||
| ||
| ||
Oxford Earth Sciences Earth หมายถึง ดาวเคราะห์ลำดับที่ 3 จากดวงอาทิตย์ มีตำแหน่งระยะห่างจาก ดวงอาทิตย์ 149.6 ล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นนับเป็นหน่วยวัดตามมาตรฐาน เท่ากับ 1 AU.(Astronomical unit) ประกอบด้วย มีเส้นรัศมี (Radius) 6,371 กิโลเมตร ความหนาแน่น (Density) 5,517 กก./ตรม. มีมวล (Mass) 5.99 x 10 [27] กรัม [1] มีภาวะไม่ต่อเนื่อง (Discontinuity) ของมหาสมุทรหนา ระดับ 5-7 กิโลเมตร มีพื้นดินหนา 40 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับเปลือกโลกและระยะห่างความไม่สม่ำเสมอ จาก Silicate เนื้อโลก (Mantle) เป็นองค์ประกอบ [2] มีภาวะไม่ต่อเนื่อง (Discontinuity) ในความลึก 2,900 กิโลเมตร ของเนื้อโลก (Mantle) ที่ทับอยู่ด้านบนของ Iron-rich Core (แกนชั้นถัดไป) [3] มีหินเก่าแก่อายุราว 3,980 ล้านปี จากอายุก่อกำเนิดโลกราว 4.6 พันล้านปี Oxford Physics Earth หมายถึง ดาวเคราะห์ที่โลกจรรอบดวงอาทิตย์ มีตำแหน่งระหว่าง ดาวศุกร์และดาว อังคาร ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ 149.6 ล้านกม. มีมวล (Mass) 5.967 x 10 [24] กิโลกรัม รอบวงแนวเส้นศูนย์สูตร (Equatorial) 12,756 กิโลเมตร ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ Gaseous atmosphere (อากาศธาตุในชั้นบรรยากาศ) Liquid hydrosphere (ของเหลวในส่วนที่เป็นผิวน้ำ) และ Solid lithosphere (ของแข็ง ในส่วนธรณีภาค) โดยของแข็ง มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ Crust (เปลือกโลก) มีความหนา 32 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใต้แผ่นดินและมหาสมุทร ลงไป 10 กิโลเมตร Mantle (เนื้อโลก) มีความลึก 2,900 กิโลเมตร อยู่ต่ำลงไปด้านใน และมี Core (แกน) ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนประกอบ ของของเหลว Crust (เปลือกโลก) มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับความหนาแน่น (Density) อย่าง กว้างขวางกับ หินตะกอน (Sedimentary) ซึ่งนอนทับซ้อนบน หินอัคนี (Igneous) โดยองค์ประกอบ ของเปลือกโลก ประกอบด้วย Oxygen 47% - Aluminium 8% Iron 4.5% Calcium 3.5% - Sodium และ Potassium (อย่างละ) 2.5% Magnesium 2.2% และ Hydrogen – Carbon – Phosphorus – Sulphur ทั้งหมดน้อยกว่า 1% เชื่อว่า Mantle (เนื้อโลก) มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับความหนาแน่น (Density) ในระดับความลึกขีดสูงสุด ราว 5.5 ที่เกิดจาก หิน Silicate และมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับความหนาแน่น (Density) กับ Core (แกน) ในระดับความลึกขีดสูง สุด ราว 13 โดยมีอุณหภูมิ ที่ 6,400 k Oxford Astronomy Earth หมายถึง ดาวเคราะห์ลำดับที่ 3 จากดวงอาทิตย์ โดยมีระยะใกล้ดวงอาทิตย์ ที่สุด (At Perihelion) ในเดือนมกราคม 147,099,590 กิโลเมตร และมีระยะห่างดวง อาทิตย์ ที่สุด (At Aphelion) ในเดือน กรกฎาคม 152,096,150 กิโลเมตร มีดวง จันทร์เป็นดาวบริวาร หากมองโลกระยะไกลมาก ในอวกาศจะเห็นเป็นสีน้ำเงินเข้มๆ เหตุจากบรรยากาศ ที่ปกคลุม โลกมีรูปทรงสันฐาน แบบ Slightly ellipsoidal (ทรงรีเล็กน้อย) ระยะ เส้นผ่าศูนย์กลางแนวศูนย์สูตร (Equatorial) 12,756 กิโลเมตร ระยะเส้นผ่าศูนย์ กลางแนวขั้วโลก (Polar) 12,714 กิโลเมตร และมีอายุ 4.57 พันล้านปี ชั้นบรรยากาศประกอบด้วย (โดยปริมาตร) Nitrogen 78% - Oxygen 21% และArgon 0.9% นอกจากนั้น มีส่วนประกอบของ Carbon dioxide – Hydrogen และก๊าซอื่นๆซึ่งมีจำนวนน้อย และมากบ้างโดยไอน้ำแสดงออกมาก-น้อยเช่น เดียวกัน (ไม่แน่นอน) โดยเมฆสีขาวบนท้องฟ้า เป็นการควบแน่นไอน้ำ ครอบคลุมในแถบเส้นศูนย์สูตร และขั้วโลกทั่วไป ค่าเฉลี่ยความกดดันชั้นบรรยากาศ และพื้นเหนือระดับน้ำทะเล มีความผันแปร ราว 1,000 mbar อุณหภูมิพื้นผิว เฉลี่ย 15 องศา C (โดยคิดค่าเฉลี่ยจากฤดูหนาวในไซบีเรีย -50 องศา C และ ฤดูร้อนในทะเลทรายซาฮารา +40 องศา C) พื้นผิวโลกถูกปกคลุม ไปด้วยของเหลว 71% มีภูเขาไฟ ปากปล่องภูเขาไฟบน พื้นดินมากกว่า 500 แหล่งที่ยังมีปฎิกิริยาอยู่ มีร่องรอยถูกชนปะทะจากอุกกาบาต เป็นจำนวนมาก แต่ถูกกลบหายไปจากสภาพการเปลี่ยนแปลงด้วยสภาพอากาศ บนพื้นผิว ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน โดยพบหลักฐานชี้ชัด จำนวน 160 แหล่ง เป็นร่องรอยซึ่งเก่าแก่ หลุมแอ่งใหญ่ ในทางธรณีวิทยา พื้นผิวโลกที่เป็นหลุมแอ่งใหญ่ ภายหลังกลายเป็นที่เก็บกักน้ำ เกิดเป็นพัฒนา การสภาพแวดล้อมและชีวิต Crust (เปลือกโลก) ชั้นบนสุดของโลกมีความหนาราว 70 กิโลเมตร และบางส่วน ของมหาสมุทรลึกลงไป 150 กิโลเมตรจากพื้นดิน ชั้น Mantle (เนื้อโลก) มีความลึก ราว 2,900 กิโลเมตร มีองค์ประกอบ Iron-nickel ตั้งแต่ครั้งกำเนิดโลก โดย Core (แกน) เป็นแหล่งสร้างสนามแม่เหล็ก มีความเข้ม ราว 3 x 10 [-5] tesla (ใกล้แนวเส้นศูนย์สูตร) ภายใน Mantle (เนื้อโลก) มีการนำพาความร้อนและแผ่นเปลือกโลกบาง จึงเกิด จุดผุดดันขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง เกิดรอยเลื่อนบนแผ่นเปลือกโลก เอื้อให้ เกิดภูเขาสูง และมหาสมุทรลึก | |
| ||
| ||
| ||
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น