แนวคิดความเชื่อ-ความเข้าใจ เรื่องจักรวาล [หน้า 4/4]

  แนวคิดความเชื่อ-ความเข้าใจ เรื่องจักรวาล [หน้า 4/4]
Religious Toleration เสรีภาพการนับถือศาสนา By Edwin Howland Blashfield, (1848-1936)
Chakra ศาสตร์โบราณ มีทั้งเป็นจริงและเท็จ ขึ้นอยู่กับเจตนาผู้ถอดถ่ายความรู้ลึกลับนี้
เนื้อหาการเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ทางศาสนา ปรัชญาและ เทววิทยา

เทววิทยา ถูกกำหนดโดยนักปรัชญาของกรีก เป็นการตีความพระคัมภีร์และการ
ศึกษาเรื่อง ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า มีทรรศนะที่เชื่อว่า
พระเป็นเจ้ามีจริง อยู่เหนือโลกในมิติอื่น และเป็นผู้สร้างโลก สร้างจักรวาล

การอธิบาย แบบมโนทัศน์ผ่านรูปแบบปรัชญาทางศาสนาต่างๆ ในวิถีแห่งเหตุผล
ไม่ใช่ด้วยความเชื่อและงมงายอย่างเดียว ก็เป็นหลักความจริงที่น่าสนใจ ในแต่ละ
ศาสนามักอาจมีเทววิทยาผสมอยู่ การใช้ปรัชญาค้นหาความจริงได้ แต่ต้องศึกษา ด้วยกรรมวิธีทาง เทววิทยาที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลเป็นธรรมชาติที่แท้จริงเท่านั้น

การยึดถือรูปแบบในกระบวนการนี้ คงต้องยอมรับถึงความเข้าใจจักรวาลมีไม่น้อย
กว่าครึ่งโลกและยังคงยึดถือต่อๆกันไป บางคำอธิบายมีข้อขัดแย้งกันทางเทคนิค
อยู่บ้าง แต่ประเด็นใหญ่การยึดถือ มักแสดงพฤติกรรมมุ่งเน้นเข้าหาความเป็น
ธรรมชาติส่วนใหญ่

ปัญหาหลักที่เกิดขึ้น คือวิถีที่ยึดถือตามกัน ปราศจากแนวคิดที่มั่นคงเป็นจุดอ่อน
ต่อกระบวนการนี้ ดังนั้นจึงมีกลยุทธเชิงมุ่งเน้นด้วยอภิหาร เป็นสิ่งเย้ายวนถึงจุด
มุ่งหมายแบบทางลัดขึ้นในสังคม ทำให้ไม่บรรลุผลจริง ในที่สุดลดความน่าเชื่อถือ
ลงตามลำดับ จึงกลายเป็นกับดักที่อันตราย

แต่หากมีระดับความเข้าใจสูง ไม่ว่าทางหนึ่งทางใดในกระบวนการนี้ บทบาทและ
ข้อพิสูจน์ถึงระบบแห่งจักรวาล จะเป็นธรรมชาติที่สุด ซึ่งวิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง
และบุคคลที่เข้าใจ ก็ยากที่จะอธิบายกลับออกมาเป็นภาษาวิทยาศาสตร์ได้อีก
คล้ายเป็นกลไกคอยคัดสรรต่อการเรียนรู้ แต่เลียนแบบแทบไม่ได้

การศึกษาหาข้อพิสูจน์ทราบที่น่าสนใจ

ปัจจุบันนี้ มีวิทยาศาสตร์สาขาใหม่ แยกออกมาจากงานวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์
(Neuroscience) ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ศึกษาประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติศาสนา ชื่อ ประสาทเทววิทยา

ความจริงก็คือ ทั้งเรื่องของจิต (Conscious ness) และจิตวิญญาณ (Spirituality)
กับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับมนุษยชาติมาตั้งแต่
เมื่อมีมนุษย์คนแรกเกิดขึ้นมาในโลกจนปัจจุบันรวมถึงในอนาคต

ตราบเท่าที่โลกยังคงมีมนุษย์อยู่ ที่กล่าวมานั้นยิ่งเป็นความจริงมากขึ้น ในปัจจุบัน
เมื่อเรื่องของจิตวิญญาณ และพระเจ้าที่เคยถูกปฏิเสธ จากวิทยาศาสตร์มานานนับ
ร้อยๆ ปี กลับได้รับการสนับ สนุนโดยหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ใหม่อย่างแทบ
ไม่มีข้อสงสัย โดยเฉพาะฟิสิกส์ใหม่ และจักรวาลวิทยาใหม่ หรือจักรวาลแควนตัม
นั้นคือข้อความที่มีรายงาน ในทางการแพทย์
Neuroscience การสื่อสารทางจิตที่เกี่ยวข้องการจักรวาล ที่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม ในอนาคต
แนวคิดนักวิทยาศาสตร์ ที่จะป้อนข้อมูลสู่ระบบ Neuroscience- biometric ในสมองของมนุษย์
ข้อสรุปที่สรุปไม่ได้

คงต้องยอมรับว่า เรื่องราวความรู้ ด้านจักรวาลวิทยา มีหลายแง่ หลายมุม ด้วย
แนวคิดความเห็น ที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ในใจ ของความจริง ความเชื่อ ความเข้าใจ
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะเน้นการศึกษา ของแขนงที่เกี่ยวข้อง

ข้อสำคัญทุกศาสตร์ ไม่ควรลืมความรู้อดีต ที่ต้องนำมาประกอบ ด้วยความถูกผิด
ที่พิสูจน์แล้วจะเป็นประโยชน์มากขึ้น และอย่าลืมอีกว่า ข้อมูล ณ วันนี้ทันสมัยแต่
100 ปีข้างหน้า ก็เป็นเรื่องโบราณไปอีกเช่นเดียวกัน

การดูแคลนศาสตร์ เพราะโบราณและล้าหลัง ไม่ควรอยู่ในความคิดของอารยะชน
เหตุเพราะ มีหลายเรื่องที่ชนรุ่นใหม่ ยังตอบคำถามหลักฐานของยุคโบราณแบบ
เดาสุ่มมากมาย และแนวคิดยุคโบราณนั้น เป็นปัจจัยเทียบให้เราทราบว่า แนวคิด
ปัจจุบันนั้นถูกหรือผิด ด้วยซ้ำไป หากไม่มีข้อเทียบ คงไม่ทราบว่าผิดหรือถูก

ในบางเรื่องก็อัศจรรย์ เช่น อะตอม ถูกบรรญัติขึ้นในยุคกรีกโบราณ หรือคำว่า
อูณ ปรมาณู เป็นละอองที่เล็ก ถูกบรรญัติเทศนาโดย พระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้ครั้น
โบราณรู้จักได้อย่างไร เพราะเป็นสิ่งเล็กมาก มนุษย์มองไม่เห็น

การเข้าใจจักรวาล ของมนุษย์ เป็นเรื่องอิสระและชอบธรรม เพราะทุกคนอาศัย
อยู่ในโลก ที่มีจักรวาลเดียวกัน เปรียบได้ว่า อาหารที่วางอยู่บนโต็ะ คงไม่ผิดที่จะ
ลิ้มรสตามที่ตนชอบ ไม่ว่า เผ็ด จืด ร้อน เย็น ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนและเอา
เปรียบกับผู้ใดให้เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริง

หากว่าวันหนึ่งข้างหน้า คำตอบที่จะไขปริศนาเรื่องจักรวาลวิทยา ไม่ว่าจะเป็นด้าน
ฟิสิกส์จักรวาลวิทยา หรือด้านเทวจักรวาลวิทยา เกิดมีข้อมูล (ที่เป็นจริง ไม่ใช่แบบ
อภินิหาร) สอดคล้องกันอย่าง เหมาะเจาะอย่างไม่น่าเชื่อ ก็อาจเป็นได้ ถึงเวลานั้น
มนุษย์จะคิดกันอย่างไร

เพราะฉะนั้นศาสตร์ทุกศาสตร์ สามารถแสดงตนให้เป็นวิทยาศาสตร์ได้ หากผู้คน
สามารถนำออกมาพิสูจน์ ตีแผ่ออกมาในเชิงประจักษ์ได้

การที่ผู้มีความรู้ด้านเดียว บางคนออกมา วิพากษ์ วิจรา์ณ์เรื่องจักรวาลนั้น คงเป็น
เพียงไม่ต่างจาก กบในกระลา ที่อวดรู้เสียส่วนใหญ่ ยิ่งทำให้ผู้คนสนเทห์ เพราะ
ความรู้เรื่องจักรวาลวิทยา เป็นสิ่งที่ใหญ่โตมาก ไม่เคยมีใครรู้หมดและรู้จริงอย่าง
ครบถ้วน จากความรู้ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ลองเปรียบให้มองเห็นข้อมูลเชิงวัตถุที่มี
อยู่ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา เรามีไม่ถึง 1% ของ ขนาดจักรวาล ที่เรารู้จักเท่านั้น
และปัจจุบันนี้ ยังมีแนวคิดของจำนวนจักรวาล ซึ่งอาจมีอย่างมากมาย เรียกว่า
เครือข่าย (หลาย) จักรวาล (Multiverse) ขึ้นอีก
References :

Science -NASA
พระครูโสภณปริยัตยาทร (เชื่อม ชินวํโส – สอนรอด)
นพ.ประสาน ต่างใจ (แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ)
Thai Bible - The gideond international in Thailand
Stanford Encyclopedia of Philosophy
Dr Yvonne Allen, British Neuroscience Association
University of Oxford
Scientific American
Interaction of Matter & Radiation including CMB

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น