คำอธิบายที่ 1 ในเชิงอวกาศและดาราศาสตร์
เป็นคำอธิบายที่พัฒนา ด้วยการสังเกตด้านดาราศาสตร์จากยุคโบราณจนกระทั่ง
มาความก้าวหน้าตามลำดับ โดยมีการแก้ไข ข้อผิดพลาดตลอดมา เริ่มมีความ
สมบูรณ์เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ยุคกลาง
Renaissance Astronomy (การฟื้นฟูวิทยาการ
ในทวีปยุโรป ระหว่าง ศตวรรษที่ 14-16) แม้ว่ามีจะมีขอบเขตแคบ มุ่งเน้นเพียง
ระบบสุริยะ และ
กลุ่มกาแล็คซี กระจุกดาว บางกลุ่ม นับว่าเป็นองค์ความรู้สำคัญ
กระทั่งเครื่องมือสำรวจทันสมัย เกิดวิชา
Space Science เน้นศึกษาด้านอวกาศ
ทำให้เข้ารู้จักสิ่งห่างไกลตัวเรามากขึ้น จึงเกิดคำอธิบาย จักรวาล ในทศวรรษนี้
ดังตัวอย่าง เช่น
จักรวาลไม่มีขอบเขตในอวกาศ ประกอบด้วย กาแล็คซี่ กระจุกดาว
นิวบูล่าอย่าง
มากมายนับได้ไม่สิ้นสุด องค์ประกอบจักรวาลทั้งหมดไปด้วย Ordinary matter
(สสารประกอบของอะตอม) 4.6% Dark matter (สสารมืด) 23% และ Myster
ious dark energy (พลังงานลึกลับ) 72% โดยพลังงานลึกลับมีลักษณะ Cold
dark matter เป็น อนุภาคเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เป็นความหมายสนับ สนุนใน
เรื่อง Cosmic inflation theory (ทฤษฎีขยายตัวโป่งพองของจักรวาล) พื้นฐาน
สำคัญของ
Big bang theory (ทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่)
อายุของจักรวาล 13.7 พันล้านปี (± 0.2 %) มีอัตราการขยายตัว 71 กิโลเมตร
ต่อวินาที / Megaparsec (หน่วยขนาดใหญ่ที่ใช้ในการวัด) ดาวดวงแรกที่เกิดขึ้น
ในจักรวาลครั้งแรกมีอายุ 100-400 ปี (ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์คำนวณไว้ราว
400,000 ปี ในการก่อตัวดาวดวงแรกและเริ่มก่อเป็นรูปร่างจักรวาลราว 400 ล้าน
ปีต่อมา)
มีข้อสรุปจำนวนวัตถุใน
จักรวาล เท่าที่มนุษย์ มีเครื่องมือสำรวจได้บันทึกข้อมูล
ไว้มีดังนี้
ดาวแคระขาวเก่าแก่ (Ancient-White Dwarf Stars) จำนวน 300 ล้านดวงนับ
เฉพาะในแถบ ทางช้างเผือก และบริเวณใกล้เคียง ไม่รวมจำนวนดาวเคราะห์ใน
ระบบสุริยะอื่นๆ ได้สำรวจพบใหม่ อีกนับพันดวงคาดว่าน่าจะมีนับหลายพันล้่าน
ดวงเช่นกัน
กาแล็คซีแคระ (Dwarf Galaxies) ขนาดไม่เกิน 100,000 ปีแสง จำนวน 7 ล้าน
ล้านกาแล็คซี่ กาแล็คซี่ขนาดใหญ่ (Large Galaxies) ขนาดประมาณ 100,000-
200,000 ปีแสง จำนวน 350 พันล้านกาแล็คซี่ กลุ่มกาแล็คซี่ (Galaxy Groups)
หรือกระจุกกาแล็คซี่ จำนวน 25 พันล้านแห่ง กระจุกดาวยักษ์ (Superclusters)
จำนวนประมาณ 100 ล้านกระจุก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น