แนวคิดความเชื่อ-ความเข้าใจ เรื่องจักรวาล [หน้า 1/4]

 
  แนวคิดความเชื่อ-ความเข้าใจ เรื่องจักรวาล [หน้า 1/4]
 
 
คำอธิบายความ

พบว่าความรู้ด้านจักรวาล มีการอธิบายได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะอธิบายในเชิง
อวกาศและดาราศาสตร์ เชิงฟิสิกส์ หรือเชิงปรัชญาศาสนาหรือในวิธีอื่นๆ เป็นเรื่อง
แต่ละกลุ่มความรู้สร้างกฎเกณฑ์ แต่ละแขนงให้คนทั่วไปเข้าใจได้

โครงสร้างที่ซับซ้อนของจักรวาล ครอบคลุมสิ่งที่เกิดแล้วจากอดีต และสิ่งที่กำลัง
เกิดขึ้นเรื่อยๆไป มุ่งเป็นเหตุสู่อนาคต มีความเป็นปัจจุบันมีเพียงเสี้ยววินาที หรือ
อาจนับว่าไม่มีปัจจุบัน เพราะไม่สามารถหยุดเวลาได้ นั่นเป็นคุณสมบัติี่พิเศษซึ่ง
ได้ครอบคลุมกว้างใหญ่ไพศาลทั้งเอกภพ รวมโลกและมนุษย์

เพราะฉะนั้นการอธิบายความหมาย ขึ้นอยู่กับจะชี้แจงสถานะใด โดยมากเป็นเรื่อง
การกำเนิดก่อตัว สภาพบรรยายกาศอดีตที่ผ่านมา และการทำนายอนาคตจุดจบ
ของจักรวาล จนกระทั่งความเกี่ยวข้องระหว่างมนุษย์และจักรวาล

นอกจากองค์ประกอบการอธิบาย ยังขึ้นอยู่กับยุคและใครเป็นผู้ให้คำอธิบายและ
อธิบายอย่างไร จึงให้เกิดความเชื่อ จึงต้องแฝงด้วยเหตุผลรองรับเป็นสำคัญ

จึงได้จัดทำขึ้นเป็นลักษณะ รายงานเชิงวิเคราะห์เน้นแนวคิด ความเชื่อและ
ความเข้าใจ ให้กลุ่มผู้สนใจ แต่ละกลุ่มมองเห็นภาพจักรวาล
ต่างมุมมองโดยมิมีเจตนาหักล้างความเชื่อหรือ ความเข้าใจ ในแนวคิดที่ต่างกัน
 
 
กาแล็คซี ต่างๆในจักรวาล ก่อตัวหลังการระเบิดครั้งใหญ่
 
 
องค์ประกอบของจักรวาล ที่เราทราบในขณะนี้
 
 
คำอธิบายที่ 1 ในเชิงอวกาศและดาราศาสตร์

เป็นคำอธิบายที่พัฒนา ด้วยการสังเกตด้านดาราศาสตร์จากยุคโบราณจนกระทั่ง
มาความก้าวหน้าตามลำดับ โดยมีการแก้ไข ข้อผิดพลาดตลอดมา เริ่มมีความ
สมบูรณ์เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ยุคกลาง Renaissance Astronomy (การฟื้นฟูวิทยาการ
ในทวีปยุโรป ระหว่าง ศตวรรษที่ 14-16) แม้ว่ามีจะมีขอบเขตแคบ มุ่งเน้นเพียง
ระบบสุริยะ และกลุ่มกาแล็คซี กระจุกดาว บางกลุ่ม นับว่าเป็นองค์ความรู้สำคัญ

กระทั่งเครื่องมือสำรวจทันสมัย เกิดวิชา Space Science เน้นศึกษาด้านอวกาศ
ทำให้เข้ารู้จักสิ่งห่างไกลตัวเรามากขึ้น จึงเกิดคำอธิบาย จักรวาล ในทศวรรษนี้
ดังตัวอย่าง เช่น

จักรวาลไม่มีขอบเขตในอวกาศ ประกอบด้วย กาแล็คซี่ กระจุกดาว นิวบูล่าอย่าง
มากมายนับได้ไม่สิ้นสุด องค์ประกอบจักรวาลทั้งหมดไปด้วย Ordinary matter
(สสารประกอบของอะตอม) 4.6% Dark matter (สสารมืด) 23% และ Myster
ious dark energy (พลังงานลึกลับ) 72% โดยพลังงานลึกลับมีลักษณะ Cold
dark matter เป็น อนุภาคเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เป็นความหมายสนับ สนุนใน
เรื่อง Cosmic inflation theory (ทฤษฎีขยายตัวโป่งพองของจักรวาล) พื้นฐาน
สำคัญของ Big bang theory (ทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่)

อายุของจักรวาล 13.7 พันล้านปี (± 0.2 %) มีอัตราการขยายตัว 71 กิโลเมตร
ต่อวินาที / Megaparsec (หน่วยขนาดใหญ่ที่ใช้ในการวัด) ดาวดวงแรกที่เกิดขึ้น
ในจักรวาลครั้งแรกมีอายุ 100-400 ปี (ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์คำนวณไว้ราว
400,000 ปี ในการก่อตัวดาวดวงแรกและเริ่มก่อเป็นรูปร่างจักรวาลราว 400 ล้าน
ปีต่อมา)

มีข้อสรุปจำนวนวัตถุในจักรวาล เท่าที่มนุษย์ มีเครื่องมือสำรวจได้บันทึกข้อมูล
ไว้มีดังนี้

ดาวแคระขาวเก่าแก่ (Ancient-White Dwarf Stars) จำนวน 300 ล้านดวงนับ
เฉพาะในแถบ ทางช้างเผือก และบริเวณใกล้เคียง ไม่รวมจำนวนดาวเคราะห์ใน
ระบบสุริยะอื่นๆ ได้สำรวจพบใหม่ อีกนับพันดวงคาดว่าน่าจะมีนับหลายพันล้่าน
ดวงเช่นกัน

กาแล็คซีแคระ (Dwarf Galaxies) ขนาดไม่เกิน 100,000 ปีแสง จำนวน 7 ล้าน
ล้านกาแล็คซี่ กาแล็คซี่ขนาดใหญ่ (Large Galaxies) ขนาดประมาณ 100,000-
200,000 ปีแสง จำนวน 350 พันล้านกาแล็คซี่ กลุ่มกาแล็คซี่ (Galaxy Groups)
หรือกระจุกกาแล็คซี่ จำนวน 25 พันล้านแห่ง กระจุกดาวยักษ์ (Superclusters)
จำนวนประมาณ 100 ล้านกระจุก
 
 
ภาพถ่ายรังสีพื้นหลังอดีต ของจักรวาล (Cosmic Background Radiation) มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
 
 
อายุจักรวาล 13.7 พันล้านปี
 
20
คำอธิบายที่ 2 ในเชิงฟิสิกส์

เป็นคำอธิบายมุ่งหลักการและทฤษฎีเป็นเกณฑ์ จึงทำให้เข้าใจยากขึ้นสำหรับผู้คน
ทั่วไป ที่ไม่คุ้นเคยกับเงื่อนไขทฤษฎี แต่สำหรับผู้ที่เรียนรู้ทฤษฎีมาก่อน จะเข้าใจ
และตีความได้ง่าย ทำให้เกิดความเชื่อถือเชิงลึก

ข้อดีในการอธิบายเชิงฟิสิกส์ มักเป็นที่ยอมรับขึ้นทันทีในวงกว้าง หากมีข้อพิสูนจ์
และหลักฐานสอดคล้องกับทฤษฎี ในทางกลับกันข้อพิสูจน์มักใช้เวลาอย่างนาน
เนื่องจากหลักฐานเรื่องจักรวาล อยู่ใกล้เกินเอื้อม ที่จะนำมาทดลองบนโลก

ทางออกของเรื่องนี้ จึงเกิดโครงการ ปฎิบัติการสืบค้นจักรวาล หลายโครงการใน
หลายสถาบันเพื่อสร้างเหตุการณ์จำลอง ให้สามารถทดลองตามทฤษฎีเพื่อเป็นข้อ
พิสูจน์ จึงเกิดคำอธิบายจักรวาล ในทศวรรษนี้ ดังตัวอย่าง เช่น

จักรวาล มีจุดกำเนิดจาก Big bang singularity (การระเบิดครั้งใหญ่ ด้วยความ
ประหลาด) ขณะเดียวกันมวลสสาร (Matter) เกิดความเข้มข้นสูงความหนาแน่น อย่างไร้ขีดจำกัด จากจุดๆเดียว รวมถึงกาลอวกาศ (Space and time) อย่างไร
ก็ตามเป็นเรื่องยาวไกลด้วยเหตุผลว่า ขอบเขตที่ไม่มีจุดสิ้นสุดและควบคุมไม่ได้
คำอธิบายอาจกลายเป็น เรื่องเหนือธรรมชาติ

Space and time คือ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ที่รวมกันระหว่าง อวกาศและ
เวลาให้เป็นความหมายเดียว เรียกว่า Spacetime continuum (แยกอิสระจากกัน
โดยเด็ดขาดไม่ได้ ต้องคำนึงถึงตำแหน่งและเวลาของเหตุการณ์) เป็นคุณสมบัติ
ของจักรวาลทั้งหมดที่เรารู้จัก

โลกและมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ทุกอย่างจึงมีอายุมากขึ้น และมีรูปแบบ
การเคลื่อนที่ได้ 3 มิติในอวกาศ โดยถือว่าเวลาเป็นอีก 1 มิติ รวมกันเป็น 4 มิติ แสดงผลใน เรื่องจักรวาลระดับขนาดใหญ่ และระดับอะตอมขนาดเล็ก
 
 
เหตุการณ์ Singularity จุดกำเนิดจักรวาลจากการสำรวจย้อนกลับไป เมื่อ 13.7 พันล้านปี
 
 
Space and time
 
 
ความ หลักแหลมของทฤษฎีที่จะจับ การเลื่อนไหลของ กาลอวกาศ Einstein’s มี ความเข้าใจ ลึกซึ้งไม่เพียงแต่ใช้ขั้นตอนแสดงเป็น ฉากละครของจักรวาลให้ตีแผ่
ออกมาเท่านั้น และไม่ใช่แค่จบสิ้นแค่การเคลื่อนไหวตัวตนของจักรวาล แต่ยัง
แสดงการวิวัฒน์ของจักรวาลด้วย

แม้การจำแนกมีี่ความซับซ้อนประกอบกัน ระหว่างมวลสารและกาลอวกาศปรากฎ
ออกมา ซึ่งกาลอวกาศมีคุณสมบัติทั้งงอกผุดขึ้นหรือหดหายไปได้ แต่ในทฤษฎี
ยังขาดคำอธิบายชัดเจนเรื่องโครงสร้างของ Quantum of spacetime (แควนตัม
ของกาลอวกาศ) ที่มีจำนวนอัดแน่นของมวลสสาร ทำให้เกิดความแข็งแกร่งของ
Gravity (แรงโน้มถ่วง)

รายละเอียดโครงสร้างจักรวาล จึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขความหนาแน่นของจักรวาล
ร่องรอย จำนวนมากแต่ละวันแต่ละเวลา สืบค้นพบแต่มวลสสารและรังสี (Matter
and radiation) และถ้า อะตอมของกาลอวกาศ (Atom of space) ยังคงอยู่ แล้วทำไมหาไม่พบมานับร้อยปี หรือ มิใช่มีลักษณะเป็นอะตอม

โดยรูปแบบด้านฟิสิกส์ ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม จาก Quantum theory of
gravity (ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงระดับควอนตัม) ดังนั้น Theory of loop quantum
gravity (ทฤษฎีวงห่วงแรงโน้มถ่วงระดับควอนตัม) หรือเรียกสั้นๆว่า Loop gravity
เป็นหนึ่งในทฤษฎี ที่ถูกคัดเลือกเพื่อหาคำตอบ ข้อปลีกย่อยเรื่อง อะตอม ในเชิง
ปริมาตรที่แน่นนอน ต่อความสามารถที่ให้กับมวลสารและพลังงาน เพื่อเป็นช่อง
ทางให้ทราบความจริงของ Singularities (ความประหลาด) ที่เกิดขึ้น

Loop gravity อยู่ภายในขอบเขตของ Quantum ถ้านำออกมาจะเข้าใจคุณสมบัติ อนุภาคของสสาร และการเกี่ยวข้อง ของอะตอมกาลอวกาศ (Atom of space)
เปิดช่องให้เห็นมากกว่าแนวคิดพื้นฐานที่เป็นอยู่

ถ้าทราบถึงการเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น (ก่อนเกิด Big bang) อาจมีความเปลี่ยนแปลง
และหายนะอย่างใหญ่หลวง จากการระเบิด จากข้างในของจักรวาลที่มีีความหนา
แน่นและย้อนกลับทาง ก่อให้เกิด Big bounce

The Big Bounce เป็นรูปแบบมโนภาพ ที่ต้องการเข้าใจจักรวาล (เป็นผลจากเหตุ
การณ์ Big Bang ในครั้งแรกซึ่งได้ใช้เป็นคำอธิบายเรื่อง เริ่มกำเนิดจักรวาล) โดย
ต้องการเห็นรายละเอียดใดๆก็ตาม ทางฟิสิกส์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องทาง
เลือกต่อคำทำนาย ถ้าจักรวาลปิดฉากยุบพังทะลายลง จะมีโอกาสก่อความเป็นตัว
ตนเป็นจักรวาลอื่น เช่นเดียวกับการเกิด Big Bang singularity หรือไม่
 
 
Atom of space ที่กำลังค้นหาคำตอบ
 
 
Quantum mechanics
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น